ประวัติของ

Taylor Swift

โดย สาระเทย์

หลาย ๆ คนอาจจะทราบว่าเธอเกิดในวันที่ 13 ธันวาคม 1989 แต่อาจจะยังไม่ทราบว่าเธอเกิดวันพุธ และเวลาที่เธอเกิดคือ 5:17 A.M. หรือตีห้าสิบเจ็ดนาทีนั่นเอง (5+1+7=13)

ในตอนที่เธออายุ 11 ถึง 12 ปีเธอได้เริ่มฝึกเล่นกีตาร์เป็นครั้งแรก และเธออยู่ที่ Christmas Tree Farm ที่ Pennsylvania เธอเป็นนักสร้างภาพขึ้นมา และเป็นนักเล่าเรื่อง พ่อแม่ของเธอทำงานด้านการเงิน พวกเขาไม่มีประสบการณ์ด้านดนตรีมาก่อนเลย เทย์เลอร์บอกว่า

เธอรู้มาเสมอเลยว่าเธอจะต้องแตกต่างจากเด็กคนอื่น ๆ ที่จะฝันเป็นดารา เธอต้องทำงานหนักขึ้น และดีขึ้น เธอเรียนกีตาร์ และแสดงที่บาร์บีคิว และ Boy Scout และส่ง demo ให้กับผู้บริการค่ายเพลงตอนที่เธออยู่มัธยมต้นอีก แต่เพลงที่เธอเองแม้เธอยังอายุน้อยก็มีความซับซ้อน ติดหูและเข้าถึงได้ คือสิ่งที่ทำให้เธอแตกต่าง และพาเข้าสู่ Music Row ของแนชวิลล์

เพลงที่เธอแต่งขึ้นมาในตอนนั้น เช่น 'The Outside' ก็จะเป็นเพลง ที่บรรยายถึงการถูกรังแก และความโดดเดี่ยว เช่นเดียวกับหลาย ๆ เพลงที่เธอได้พบประสบการณ์ที่แสนเจ็บปวดเพื่อสร้างเป็นภาพขึ้นมาได้ เธอสามารถเปลี่ยนเวลาแย่ ๆ ความเจ็บปวดให้กลายเป็นความสำเร็จ ที่สามารถพาหลุดพ้นไปจากเรื่องนั้น ๆ ได้

ค่ายเพลงส่วนใหญ่บอกว่าเพลงที่เธอเขียนมันไม่ได้เป็นที่สนใจของคนที่ฟังเพลงคันทรี แต่เธอก็รู้ดีว่าในชาร์ตเพลงน่ะต้องการเพลงแบบนี้

Scott Borchetta คนที่ทำงานอยู่ที่ค่าย Universal แต่มีแผนที่จะออกมาเปิดค่ายเพลงเป็นของตัวเอง หลังจากที่เขาได้ไปเจอเทย์เลอร์ที่ร้าน The Bluebird Cafe ในแนชวิลล์ เขาก็เสนอเซ็นสัญญากับ Taylor Swift กับค่ายที่ยังไม่ได้ตั้งนั่นก็คือ Big Machine Records เธอมุ่งมั่นที่จะทำเพลงออกสู่ตลาด และเธอก็สามารถทำมันได้ด้วยอัตราที่สูงปรี๊ด

เธอปล่อยซิงเกิลของเธอออกมา 'Tim McGraw' และอัลบั้มแรก 'Taylor Swift' สามารถเข้าชาร์ตเพลงในประเทศ และได้รับความสนใจทั้งงานประกาศรางวัล และฐานแฟนคลับมากมาย เธอไม่ลดละที่จะทำดนตรีด้วยการเรียนโฮมสกูล เพื่อให้ทันกับตารางงานของเธอ ซึ่งเธอก็ออกเพลงมาหลากหลายความหมาย ทั้งเรื่องความการนินทาแฟนเก่าหรืออกหัก เพื่อแสดงให้เห็นว่านี่เป็นเรื่องธรรมชาติของวัยรุ่น

เธอสามารถเปลี่ยนเรื่องธรรมดาของเธอ ให้เป็นความสำเร็จที่ไม่ธรรมดา เมื่อถึงเวลาของอัลบั้มถัดไปของเธอ 'Fearless' และ 'Speak Now' คือความสำเร็จแบบไร้คำถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้ดังขนาดนี้ โดยอัลบั้ม 'Fearless' คืออัลบั้มที่ 2 ที่เธอสามารถทำขึ้น BillBoard 200 ได้ เธอสามารถคว้ารางวัล Grammys สาขาอัลบั้มแห่งปีได้อีกด้วย จากนั้นเธอก็ปล่อยอัลบั้ม Speak Now อัลบั้มที่ใช้เพลงพูดถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ควรจะพูดออกไป และไม่ควรเก็บมันเอาไว้ และทัวร์ของเธอก็ประสบความสำเร็จอย่างมากในหญิงสาวที่อายุเพลง 20 ปี

หลังจากที่เธอประสบความสำเร็จ เธอก็คิดได้ว่า 'การบรรลุคือความพอใจ...คุณจะไม่มีความสุขอย่างน่าขันอีกต่อไป' เธอได้เขียนประมาณ 10 สำหรับอัลบั้มต่อไป เมื่อถามถึงลักษณะนิสัยของเธอ เธอบอกว่า: 'พวกเขาเศร้าไหม ถ้าฉันพูดตามตรง' และอัลบั้มต่อไปคืออัลบั้ม Red ซึ่งเป็นก้าวทำสำคัญที่ทำให้เธอก้าวออกมาจากเพลงคันทรี จะเริ่มไปแนวเพลงพอปบ้าง ซึ่งอัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ทำให้เธอก้าวไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ หมกมุ่นเกี่ยวกับความรักเก่า ๆ เป็นอัลบั้มที่มีเพลงอกหักได้เจ็บที่สุดเท่าที่เธอเคยมีมา เช่นเพลง 'All Too Well' ที่เธอได้บรรยายความเท่าเจ็บของเธอออกมา และเรียบเรียงมันได้อย่างสวยงามและลึกซึ้ง

1989 เป็นอัลบั้มที่เธอออกมาจากคำว่าคันทรีได้อย่างชัดเจน เธอตัดสินใจเริ่มเขียนอัลบั้มต่อไปหลังจากคืนที่พลาดรางวัล Grammys ที่อัลบั้ม Red ถูกเสนอชื่อเข้าชิงไป อัลบั้มนี้มีความพอปมาก ๆ อัลบั้มนี้ได้รับยอดขายไป 1.287 ในสัปดาห์แรก และชนะรางวัลอัลบั้มแห่งปีของ Grammys

ต่อมาเธอได้ตัดสินใจที่จะไม่ลงอัลบั้ม 1989 บน Spotify และต่อมาเธอก็ได้ดึงอัลบั้มที่ผ่านมาของเธอออกจากบริการสตรีมเพลงทั้งหมด เธอยังเขียนจดหมายเปิดผนึกถึง Apple Music อีกด้วย หลังจากที่รู้ว่าบริการนี้จะไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์เพลงที่ถูกสตรีมระหว่างการทดลองฟังเพลงฟรี 3 เดือน โดยบางคนแย้งว่าเธอดึงออกมาจาก Spotify เพื่อต้องการเพิ่มยอดขายของเธอเอง หรือเธอแค่คิดว่าบริการนี้ไม่ได้จ่ายเงินให้เธอเพียงพอสำหรับเพลงของเธอ

อย่างไรก็ตามเธอก็โต้แย้งออกมาว่า: การตัดสินใจนี้ของเธอทำให้คิดถึงความไม่เท่าเทียมกัน ไม่ใช่สำหรับศิลปินรายใหญ่อย่างเธอ แต่สำหรับศิลปินอินดี้หน้าใหม่ หรือเด็กที่พึ่งหัดเล่นดนตรี และเริ่มเข้าวงการสักวันหนึ่ง นักดนตรีเหล่านี้ควรได้รับค่าตอบแทนสำหรับเพลงของพวกเขา และทั้งแฟนเพลง และบริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องตระหนักได้ว่า 'ดนตรีเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การจ่าย'

จากนั้น Apple Music ก็ตกลงที่จะจ่ายเงินให้กับศิลปินในช่วงทดลอง และในปี 2018 เมื่อเธอเซ็นสัญญากับ Universal Music Group ค่ายใหม่ Universal ก็ตกลงที่จะจ่ายเงินใด ๆ จากบริการ Spotify แม้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรมามากมาย เธอก็พิสูจน์ว่าผู้คนยังคงยินดีจ่ายสำหรับเพลง (อย่างน้อยของเธอ)

แม้ว่าจะนำเพลงลงบริการสตรีมแล้ว เธอก็ยังเป็นพอปสตาร์ที่แบกรับเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว เช่นการออกเดตของเธอ หรือการโต้เถียงเรื่องเพลง 'Famous' ของ Y* W*** ที่เกิดเรื่องในปี 2016 และสร้างความอับอายให้แก่เธอในปี 2009

บางคนมองว่าเธอเป็นคนที่หักหลังคนอื่น ซึ่งใช่ชื่อเสียงของเธอเพื่อทำลายอาชีพของคนอื่น เธอก็หายไปเกือบ 2 ปี จากนั้นเธอก็ลบทุกอย่างออกจากโซเชียลมีเดียของเธอ และกลับมาพร้อมกับอัลบั้ม reputation ที่เปิดซิงเกิลด้วยเพลง 'Look What You Made Me Do' ที่มีคอนเซ็ปต์ว่า 'เทย์เลอร์คนเก่าได้ตายไปแล้ว' จากนั้นเมื่อจบทัวร์อันแสนยิ่งใหญ่ของเธอ 'reputation Stadium Tour' ก็มาด้วยซิงเกิลเปิดยุคใหม่ของเธอด้วยเพลง 'ME!' จากนั้นก็ประกาศอัลบั้ม 'Lover' ในเวลาต่อมา บทเพลงที่เกี่ยวกับความรัก ที่ถูกมองด้วยมุมมองต่าง ๆ ในปีเดียวกันเธอได้พบกับปัญหาที่ค่ายเพลงเก่าของเธอ จะถูกนำไปขายให้กับคนที่รังแกเธอมาตลอด แม้ว่าเธอเองจะขอซื้ออัลบั้มเก่า ๆ ของเธอมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่ก็ได้รับข้อเสนอที่ไม่เป็นธรรม เธอจึงตัดสินใจล้มเลิกและเดินออกมา แต่การชายครั้งนี้ทำให้เธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก เมื่อเธอได้ค้นพบกับกฎหมายที่บอกว่าศิลปินสามารถบันทึกผลงานของพวกเขาใหม่ได้ หลังจากที่ถูกเผยแพร่ออกมาแล้ว 5 ปีขึ้นไป เธอก็ตัดสินใจได้ว่าเธอจะต้องบันทึกอัลบั้มเดิมของเธอใหม่อีกครั้ง

หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ปล่อยอัลบั้ม folklore อัลบั้มที่เธอแต่งขึ้นมาจากตัวละครในจินตนาการของเธอ ที่ถูกปล่อยออกมาในช่วงการระบาดของโรค COVID-19 ที่มีการระบาดไปทั่วโลก เธอได้รับอัลบั้มแห่งปีจาก Grammys อีกด้วย เมื่อเธอเล็งเห็นว่าเพลงที่เธอแต่งออกมามันก็ได้รับผลตอบรับที่ดีนี่ เธอก็ไม่สามารถหยุดแต่งเพลงของเธอได้ เธอจึงเดินหน้าแต่งเพลงลงอัลบั้ม evermore ของเธอต่อ และปล่อยออกมาและบอกว่านี่คือเซอร์ไพรส์ นี่คือน้องสาวของอัลบั้ม folklore เอง

ไม่นานนัก เธอก็ได้บอกมาว่าการบันทึกอัลบั้มของเธอกำลังจะมาแล้ว และนั่นคืออัลบั้ม Fearless โดยที่เธอจะใช้ชื่อเวอร์ชันบันทึกใหม่นี้ว่า 'Taylor's Version' หรือ 'เทย์เลอร์เป็นเจ้าของเวอร์ชันนี้' เธอได้รับเสียงตอบรับจากการนำอัลบั้มมาบันทึกใหม่เป็นอย่างมาก จากนั้นก็มีข่าวมาว่าเธอจะไม่ส่งอัลบั้มนี้เข้าการประกวด เนื่องจากเธอยึดเพียงแค่ว่า 'ศิลปินควรได้เป็นเจ้าของผลงานของตัวเอง' ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอต้องการมาโดยตลอด หลังจากนั้นเธอก็ประกาศว่าอัลบั้มต่อมาที่จะถูกปล่อยนั่นก็คืออัลบั้ม Red โดยหลังจากการปล่อยเธอก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยหนึ่งในเพลงที่ต้องจารึกนั่นคือเพลง 'All Too Well (10 Minute Version) ' ที่เธอสามารถติดชาร์ตอันดับที่หนึ่งได้ โดยเพลงล่าสุดที่ทำได้นั่นก็คือเพลงเมื่อครึ่งศตวรรษที่แล้ว

Midnights เป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ ทั้งด้านคำวิจารณ์ ยอดขาย และความนิยมทั่วโลก โดยอัลบั้มนี้เธอประกาศครั้งแรกที่งาน MTV ในปี 2022 เดือนสิงหาคม และเธอก็บอกว่าจะปล่อยในวันที่ 21 ตุลาคม 2022 นั่นเอง ซึ่งอัลบั้มนี้ก็คาดกันว่าจะถูกเข้าชิงในรายการอัลบั้มแห่งปีของแกรมมี่ในปี 2023 อย่างแน่นอน

พวกเราสามารถสนับสนุน Taylor Swift ได้ด้วยการฟังเพลงที่เธอมีสิทธิ์ เช่น Lover, folklore, evermore, Fearless (Taylor's Version), Red (Taylor's Version), Midnights และอื่น ๆ ในอนาคต