พันธนาการแห่งความเจ็บปวดที่ไม่อาจหลุดพ้น
เพลง "hoax" คือเพลงบัลลาดเปียโนที่เศร้าสร้อยและลึกซึ้ง สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยปัญหาและความเจ็บปวด มันเป็นบทเพลงที่บรรยายถึงใครบางคนที่ยังคงผูกมัดตัวเองกับคู่รัก แม้ว่าความรักของพวกเขาจะดูสิ้นหวังและทำให้เธอต้องจมดิ่งลงสู่ความโศกเศร้า
แอรอน เดสเนอร์ (Aaron Dessner) ผู้ร่วมแต่งและโพรดิวซ์เพลงนี้ ได้กล่าวถึงเพลงนี้ว่า "มีความเศร้า แต่ก็เป็นความโศกเศร้าแบบมีหวัง เป็นการรับรู้ว่าคุณรับภาระของคนที่คุณรัก เป็นแนวคิดเรื่อง 'ความโศกเศร้าที่มีหวัง' ที่อัลบั้ม folklore สามารถแสดงมันออกมาได้เป็นอย่างดี เป็นการบันทึกที่สมบูรณ์แบบสำหรับการปิดอัลบั้ม"
เพลง "hoax" และ "the 1" เป็นสองเพลงสุดท้ายที่ถูกแต่งขึ้นหลังจากเพลงอื่น ๆ ในอัลบั้ม folklore เสร็จสมบูรณ์แล้ว เทย์เลอร์และแอรอนตกลงกันว่าอยากให้เพลงนี้เป็นเหมือน "bookends" หรือสัญลักษณ์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอ่านหนังสือจบแล้ว พวกเขาจึงใส่เสียงจบเดียวกันกับที่ใส่ในเพลง "cardigan" เบา ๆ เพื่อเชื่อมโยงอัลบั้มเข้าด้วยกัน
ความมืดมิดที่มาจากการทรยศ
เพลง "hoax" เปิดฉากด้วยความรู้สึกถูกทรยศและเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส:
"My only one / My smoking gun / My eclipsed sun / This has broken me down": คนรักของเธอคือ "คนเดียว" สำหรับเธอ แต่กลับกลายเป็น "หลักฐานที่มัดตัว" (smoking gun) และเป็นผู้ที่ทำให้ "ดวงอาทิตย์ของฉันถูกบดบัง" ทำให้โลกของเธอมืดมิดและพังทลายลงสิ้นเชิง
"My twisted knife / My sleepless night / My winless fight / This has frozen my ground": มีดที่บิดเบี้ยว (twisted knife) สื่อถึงความเจ็บปวดที่บิดเกลียวอยู่ในใจ ค่ำคืนที่นอนไม่หลับ การต่อสู้ที่ไม่มีวันชนะ สิ่งเหล่านี้ทำให้ "พื้นดินของฉันกลายเป็นน้ำแข็ง" ไม่มีสิ่งใดสามารถเติบโตงอกงามได้อีกต่อไป
เทย์เลอร์ได้บอกว่าเพลงนี้ไม่ได้เกี่ยวกับคน ๆ เดียวหรือสถานการณ์เดียว แต่เป็นการรวบรวมความเจ็บปวดจากหลาย ๆ แหล่งเข้าไว้ด้วยกัน อาจเป็นความสัมพันธ์กับโจ อัลวิน, การซื้อขายลิขสิทธิ์เพลงของเธอ, หรือความสัมพันธ์ที่แตกหักกับอดีตคนรู้จัก
คำลวงแห่งความรักที่ยังคงเชื่อมั่น
ท่อนคอรัสของเพลงนี้คือหัวใจสำคัญ ที่แสดงถึงความขัดแย้งในใจของเทย์เลอร์:
"Stood on the cliffside screaming, ‘Give me a reason’": เธอยืนอยู่บนหน้าผา ตะโกนขอเหตุผลจากท้องฟ้า เพื่อที่จะเข้าใจว่าทำไมสิ่งเหล่านี้ถึงเกิดขึ้น
"Your faithless love’s the only hoax I believe in": "ความรักที่ไม่ซื่อสัตย์ของคุณคือคำลวงเดียวที่ฉันเชื่อ" วลีนี้ชี้ให้เห็นว่าความสัมพันธ์ทั้งหมดนี้คือการหลอกลวง ความรักที่อีกฝ่ายมอบให้นั้นไร้ซึ่งความศรัทธา ไม่ว่าจะถูกหลอกลวงเพียงใด เธอก็ยังคงเลือกที่จะเชื่อในความรักครั้งนี้
"Don’t want no other shade of blue but you / No other sadness in the world would do": เธอไม่ต้องการ "สีฟ้าแห่งความเศร้า" อื่นใดนอกจากเขา แม้ว่าเขาจะนำพาความทุกข์มาให้ แต่เธอก็เลือกที่จะจมอยู่ในความเศร้านี้กับเขา ไม่มีใครอื่นในโลกนี้ที่สามารถทำให้เธอรู้สึกเศร้าได้เท่าเขาอีกแล้ว
ร่องรอยของบาดแผลที่ยังคงเจ็บปวด
"My best laid plan / Your sleight of hand": แผนการที่ดีที่สุดของเธอถูกทำลายด้วย "กลลวง" ของอีกฝ่าย ทำให้ทุกอย่างพังทลายลง
"My barren land / I am ash from your fire": โลกของเธอกลายเป็น "ดินแดนรกร้าง" เธอคือ "เถ้าถ่านจากกองไฟ" ของเขา แสดงถึงการถูกเผาผลาญจนไม่เหลืออะไรเลย
"You know I left a part of me back in New York": เธอย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เธอถูก "ยกเลิก" (canceled) หลังเหตุการณ์ Snake Gate และต้องหนีไปลอนดอน เธอทิ้งส่วนหนึ่งของตัวเองไว้ที่นิวยอร์ก ซึ่งยังคงเป็นบาดแผลที่เจ็บปวด
"You knew the hero died so what’s the movie for?": วลีนี้สื่อถึงการที่ภาพลักษณ์ "ฮีโร่" ของเธอได้ตายไปแล้วในช่วงปี 2014-2017 และเธอถูกมองว่าเป็น "ตัวร้าย" เธอตั้งคำถามว่าถ้าฮีโร่ตายไปแล้ว หนังเรื่องนี้จะมีไว้เพื่ออะไร? (หมายถึงเส้นทางอาชีพและชื่อเสียงของเธอ)
"You knew it still hurts underneath my scars / From when they pulled me apart / But what you did was just as dark": เขารู้ดีว่าเธอยังคงเจ็บปวดภายใต้ "รอยแผลเป็น" จากการถูกโจมตี แต่สิ่งที่เขาทำนั้นก็ "มืดมิดไม่แพ้กัน" ทำให้เธอเจ็บปวดไม่ต่างกัน
"You knew the password so I let you in the door": เขารู้ "รหัสผ่าน" ที่จะเข้าสู่หัวใจเธอ ซึ่งหมายถึงเขารู้จุดอ่อนและวิธีที่จะทำให้เธอเปิดใจ แต่สุดท้ายก็กลับมาทำร้ายเธอ
อาณาจักรที่พังทลาย และหัวใจที่ถูกทุบตี
"My only one / My kingdom come undone / My broken drum / You have beaten my heart": เธอยังคงยืนยันว่าเขาคือ "คนเดียว" สำหรับเธอ แม้เขาจะทำให้ "อาณาจักรของฉันพังทลายลง" (kingdom come undone) ซึ่งเป็นคำเปรียบเปรยถึงอาชีพและชื่อเสียงของเธอที่เคยเป็นดังอาณาจักร แต่ตอนนี้มันพังทลายลงแล้ว
"My broken drum / You have beaten my heart": เปรียบตัวเองเป็น "กลองที่แตกหัก" ซึ่งไม่สามารถทำหน้าที่ได้อีกต่อไป (สื่อถึงการที่เธอไม่อาจเล่นดนตรีได้เหมือนเดิม) และยังหมายถึง "หัวใจที่ถูกทุบตี" (beaten my heart) ทั้งในแง่ของการถูกทำร้ายจิตใจ และหัวใจที่ไม่สามารถเต้นได้ตามปกติอีกต่อไป
แม้จะเจ็บปวดขนาดนี้ เธอก็ยังคงยอมรับมันทั้งหมด:
"Don’t want no other shade of blue but you / No other sadness in the world would do": เธอไม่ต้องการความเศร้าอื่นใดนอกจากความเศร้าที่เขาเป็นผู้มอบให้ เธอเลือกที่จะจมอยู่กับความเจ็บปวดนี้ เพราะมันคือความเจ็บปวดที่แท้จริง
เพลง "hoax" เปิดตัวที่อันดับ 71 บน Billboard Hot 100 และถูกยกย่องว่าเป็นบทสรุปที่เหมาะสมสำหรับอัลบั้ม folklore ที่เต็มไปด้วยความเศร้าและความมืดมิด
เพลงนี้แสดงให้เห็นว่าความรักและความไว้ใจสามารถนำไปสู่ความเจ็บปวดอย่างใหญ่หลวง แต่ในบางครั้ง คนเราก็ยังคงอยากกลับไปเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะมันคือส่วนหนึ่งของชีวิตและบทเรียนที่ทำให้เราเติบโต