เมื่อการให้อภัยไม่ใช่คำตอบเสมอไป

เพลงแนวอินดัสเทรียล-โฟล์กที่แปลกใหม่และทดลองที่สุดเพลงหนึ่งของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ด้วยกลองสไตล์ Nine Inch Nails และการร่วมงานโพรดิวซ์โดย แอรอน เดสเนอร์ (Aaron Dessner), BJ Burton และ James McAlister เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงแรก ๆ ที่เทย์เลอร์เขียนขึ้นสำหรับอัลบั้มนี้

เพลง "closure" นำเสนอภาพของเทย์เลอร์ที่กำลังตอบโต้จดหมายจากคนที่เคยทำผิดต่อเธอ ซึ่งอาจเป็น Scott Borchetta (อดีตหัวหน้าค่ายเพลงเก่าของเธอ) หรือ Scooter Braun (ผู้ซื้อลิขสิทธิ์เพลงของเธอ) โดยเธอแสดงออกถึงความรู้สึกว่า "เมื่อก่อนถ้าทำฉันเจ็บแค้นมา ขนาดเห็นแค่ชื่อฉันก็หัวร้อนได้ ไม่ต้องมาทำเป็นรู้สึกผิดตอนนี้ มันรู้สึกปลอมมาก ๆ แบบอารมณ์แบบ มาขอโทษก็ไม่หาย ไม่ต้องมายุ่ง ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า ไม่ชอบก็อย่ามายุ่งดีกว่า"

เทย์เลอร์เคยให้สัมภาษณ์ว่าเพลง "my tears ricochet" และ "mad woman" จากอัลบั้ม folklore ก็ได้รับแรงบันดาลใจจากอดีตหัวหน้าค่ายเพลงเก่าและ Scooter Braun เช่นกัน และเธอยังกล่าวถึงแนวคิดที่ว่า "ฉันรู้สึกอินกับภาพยนตร์หรือเรื่องที่เกี่ยวกับการหย่าร้าง แม้ว่าฉันจะไม่เคยเลิกราจากการแต่งงานก็ตาม" ซึ่งสะท้อนถึงความรู้สึกของการถูกพรากบางสิ่งบางอย่างไปอย่างไม่ยุติธรรม คล้ายกับการหย่าร้างที่ต้องแบกรับความเจ็บปวด

"closure" เป็นเพลงที่เน้นย้ำถึงธีมหลักอย่างหนึ่งของอัลบั้ม evermore ซึ่งเทย์เลอร์ได้กล่าวไว้ในการสัมภาษณ์ Apple Music Awards 2020 ว่า: "evermore เกี่ยวข้องกับการสิ้นสุดในทุกรูปแบบและขนาดอย่างมาก วิธีการทุกประเภทที่เราสามารถยุติความสัมพันธ์ มิตรภาพ สิ่งที่เป็นพิษ และความเจ็บปวดที่มาพร้อมกับสิ่งนั้น"


แกะเนื้อเพลง "closure": ความเจ็บปวดที่ฝังลึก ไม่ต้องมีการปิดฉาก

เพลงนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจและความเด็ดขาดที่เธอไม่ต้องการ "การปิดฉาก" จากอีกฝ่าย:


บทสรุปจาก "closure": ความแค้นที่ถูกเลือก

"closure" คือบทเพลงที่แสดงให้เห็นถึงมุมมองที่แข็งแกร่งของเทย์เลอร์ สวิฟต์ในการรับมือกับความเจ็บปวดและการหักหลัง แทนที่จะแสวงหาการให้อภัยและการปรองดอง เธอเลือกที่จะยอมรับความรู้สึกไม่พอใจและก้าวเดินต่อไปโดยไม่ต้องมีการ "ปิดฉาก" จากอีกฝ่าย มันคือการประกาศว่าเธอไม่จำเป็นต้องมีมิตรภาพปลอม ๆ เพื่อจะใช้ชีวิตต่อไปได้ เพราะเธอได้ค้นพบหนทางของตัวเองแล้ว

เพลง "closure" เปิดตัวที่อันดับ 82 บน Billboard Hot 100 และเป็นเพลงสุดท้ายจากอัลบั้มที่ติดชาร์ต ซึ่งเพลงนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความลุ่มลึกในการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลายของเทย์เลอร์ สวิฟต์ แม้จะเป็นความรู้สึกที่ไม่ถูกใจนักสำหรับบางคน แต่ก็เป็นความจริงใจที่ทำให้เพลงนี้มีความหมายและทรงพลังอย่างยิ่ง