คำภาวนาที่เขียนด้วยความรักถึงแม่
บางครั้ง...เพลงที่เขียนยากที่สุด ก็คือเพลงที่หัวใจของเราต้องการมันมากที่สุด 'Soon You'll Get Better' คือบทเพลงนั้นสำหรับเทย์เลอร์ สวิฟต์ มันไม่ใช่แค่เพลงในอัลบั้ม Lover แต่คือคำภาวนา คือไดอารี่ที่มาจากจิตใจ และคือเสียงสะท้อนความรู้สึกของลูกสาวคนหนึ่งที่เฝ้ามองคุณแม่ต่อสู้กับโรคร้าย นี่คือเพลงที่เขียนได้ยากที่สุดสำหรับเธอ และการตัดสินใจนำเพลงนี้มาใส่ไว้ในอัลบั้มก็เป็นการตัดสินใจร่วมกันของทั้งครอบครัว
เบื้องหลังบทเพลงที่เขียนด้วยน้ำตา
จุดเริ่มต้นของเพลงนี้มาจากความจริงที่เจ็บปวดในชีวิตของเทย์เลอร์ เมื่อคุณแม่ของเธอต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งถึงสองครั้งในปี 2015 และ 2019 มันคือช่วงเวลาที่เธอเรียกว่าเป็น 'ปัญหาของจริง' ที่เข้ามาสั่นคลอนโลกทั้งใบของเธอ
เพลงนี้ถือเป็นอีกเพลงนึงที่แต่งให้แม่ "The Best Day" เพลงที่เธอเคยแต่งให้แม่ในอัลบั้ม Fearless และทั้งสองเพลงต่างก็ถูกวางไว้เป็น แทร็กที่ 12 เหมือนกัน และเพื่อทำให้เพลงที่ส่วนตัวที่สุดเพลงนี้สมบูรณ์แบบ เธอได้ชวน The Chicks (The Dixie Chicks) ซึ่งเป็นฮีโร่ในวัยเด็กและเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เธออยากเป็นศิลปิน มาร่วมถ่ายทอดความรู้สึกผ่านเสียงร้องและเครื่องดนตรี การได้ร่วมงานกับศิลปินในดวงใจในเพลงที่สำคัญที่สุดเพื่อแม่ จึงเป็นสิ่งที่ล้ำค่าและมีความหมายอย่างยิ่ง
แกะเนื้อเพลง: บันทึกความหวังและความกลัว
ทุกถ้อยคำในเพลงนี้คือความรู้สึกที่จริงและดิบที่สุดของคนเป็นลูก
"The buttons of my coat were tangled in my hair / In doctor's office lighting, I didn't tell you I was scared" (กระดุมเสื้อโค้ทของฉันพันกับเส้นผม / ภายใต้แสงไฟในห้องตรวจ, ฉันไม่ได้บอกแม่ว่าฉันกลัว): เป็นการเปิดฉากที่สะท้อนความทรงจำที่เจ็บปวดได้อย่างเห็นภาพ คนเรามักจะจดจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่สำคัญได้ในเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ และการที่เธอต้องแสร้งทำเป็นเข้มแข็งเพื่อไม่ให้แม่กังวล ก็คือสิ่งที่ลูกหลายคนต้องเผชิญ
"Holy orange bottles, each night, I pray to you / Desperate people find faith, so now I pray to Jesus too" (ขวดยาสีส้มอันศักดิ์สิทธิ์, ทุกคืนฉันสวดภาวนาถึงเธอ / คนที่สิ้นหวังมักจะมองหาศรัทธา, ตอนนี้ฉันเลยสวดภาวนาถึงพระเยซูด้วย): คือภาพของความสิ้นหวังที่ต้องหันไปพึ่งพาทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ตั้งแต่ขวดยาไปจนถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์
"I know delusion when I see it in the mirror" (ฉันรู้ว่าอะไรคือภาพลวงตาเมื่อฉันมองตัวเองในกระจก): เป็นการยอมรับกับตัวเองว่าการพยายามทำเป็นร่าเริงหรือมองโลกในแง่ดี บางครั้งมันก็เป็นแค่การหลอกตัวเองเพื่อหนีความจริงที่เจ็บปวด
"I hate to make this all about me / But who am I supposed to talk to? / What am I supposed to do / If there's no you?" (ฉันเกลียดที่เรื่องแบบนี้ที่เกิดขึ้นกับเรา / แต่ฉันควรจะไปคุยกับใคร? / ฉันควรจะทำอย่างไร / ถ้าไม่มีแม่อยู่ตรงนี้?): คือท่อนที่เปิดเปลือยความกลัวที่แท้จริงออกมา มันคือความกลัวที่จะต้องสูญเสียเพื่อนที่ดีที่สุด คนที่คอยรับฟังทุกเรื่องราวในชีวิตไป
บทสรุปจาก "Soon You'll Get Better": ความหวังท่ามกลางความเจ็บปวด
ท้ายที่สุดแล้ว 'Soon You'll Get Better' ไม่ใช่แค่เพลงสำหรับคุณแม่ของเทย์เลอร์ แต่คือบทเพลงสำหรับทุกคนที่เคยภาวนาให้คนที่รักหายดี มันคือเครื่องเตือนใจว่าท่ามกลางความเจ็บปวดที่มืดมนที่สุด แสงสว่างที่เรียกว่า 'ความหวัง' และ 'ความรัก' ยังคงส่องสว่างอยู่เสมอ เทย์เลอร์เคยบอกว่าเธอไม่แน่ใจว่าจะสามารถร้องเพลงนี้สด ๆ ได้หรือไม่ แต่สุดท้ายเธอก็ได้นำเพลงนี้มาร้องในงานคอนเสิร์ตการกุศล One World: Together At Home เพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19