อาชญากรรมที่ไม่มีศพ และความยุติธรรมที่มาจากการแก้แค้น
เพลง "no body, no crime" จากอัลบั้ม evermore คือบทเพลงที่เทย์เลอร์ สวิฟต์นำเสนอในรูปแบบของ "หนังสือเสียงนิยายฆาตกรรม" โดยมีวง HAIM มาร่วมสร้างสรรค์เสียงร้องอันเข้ากันได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะการที่ Este หนึ่งในสมาชิกวง มารับบทบาทเป็นตัวละครสำคัญในเพลงนี้ ก็ยิ่งเพิ่มมิติที่น่าสนใจให้กับเรื่องราว
เพลงนี้เล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของตัวเอก (ซึ่งในที่นี้ขอใช้เป็นเทย์เลอร์ตามความสัมพันธ์กับ Este Haim) กับเพื่อนสนิทของเธอที่ชื่อ Este ทั้งสองมีนัดประจำทุกวันอังคารที่ร้านอาหารอิตาเลียนอย่าง Olive Garden เพื่อพูดคุยและดื่มไวน์กันอย่างออกรส วันหนึ่ง Este มาพร้อมกับความกังวลใจว่า "ฉันว่าสามีฉันต้องมีเมียน้อยแน่ ๆ" เธอสังเกตเห็นความผิดปกติจาก "รสชาติไวน์จากปากเขาที่เปลี่ยนไป" และที่สำคัญคือ "เครื่องเพชรที่ไม่ใช่ของเธออยู่ในบัญชีร่วม" มันแปลก ๆ นะ Este จึงตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับสามีเพื่อหาคำตอบในเรื่องนี้
หลังจากนั้นไม่นาน Este ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ เธอไม่มาตามนัดที่ Olive Garden ไม่ไปทำงาน ไม่ว่าจะตามหาที่ไหนก็ไม่พบ จนกระทั่งสามีของเธอเข้าแจ้งความว่า Este หายสาบสูญไป เทย์เลอร์เริ่มรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล เมื่อสังเกตเห็นว่าสามีของ Este เพิ่ง "เปลี่ยนยางรถใหม่" และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ "เมียน้อยของเขาได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของ Este" แล้ว ความคิดอันน่าหวาดผวาก่อตัวขึ้นในใจเทย์เลอร์ว่า "คุณฆ่า Este เพื่อเอาเงินประกันชีวิตไปปรนเปรอชู้ของคุณหรอ!"
ความโกรธแค้นและเจ็บปวดแทนเพื่อนรักผลักดันให้เทย์เลอร์ตัดสินใจทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง เธอลงมือ "ฆ่าสามีของ Este" และ "นำศพไปถ่วงน้ำ" เพื่อปกปิดอาชญากรรมนี้อย่างแยบยล พร้อมทั้งวางแผนเตรียม "พยานเท็จจากญาติ ๆ ของ Este" ให้ยืนยันว่าเธออยู่กับพวกเขาตลอดช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น สุดท้ายแล้ว แม้เมียน้อยของสามี Este จะรู้สึกสงสัยในตัวเทย์เลอร์ แต่ก็ไม่มีใครสามารถจับกุมหรือเอาผิดเทย์เลอร์ได้ เพราะตามหลักกฎหมายแล้ว "ไม่มีศพ ก็ถือว่าไม่มีอาชญากรรม" ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่เพลงนี้ต้องการสื่อ
เทย์เลอร์ได้กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการเขียนเพลงนี้ว่ามาจาก "ความหลงใหลในพอดแคสต์สารคดีอาชญากรรมจริง ๆ" และเป็นเรื่องตลกที่เธอได้ใช้ชื่อ Este เพื่อนสนิทของเธอมาเป็นตัวละครหลักในเรื่องแต่งแนวฆาตกรรมนี้
การวางแผนที่เหนือชั้นเพื่อทวงคืนความยุติธรรม
เพลง "no body, no crime" ดึงผู้ฟังเข้าสู่เรื่องราวได้อย่างรวดเร็ว ด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความลับ ความแค้น และการวางแผนอันชาญฉลาด:
"Este’s a friend of mine / We meet up every Tuesday night for dinner and a glass of wine.": เปิดเรื่องด้วยภาพมิตรภาพที่อบอุ่น ก่อนจะเข้าสู่ปมปัญหา
"Este’s been losin’ sleep / Her husband’s actin’ different and it smells like infidelity.": Este เครียดหนัก สามีมีท่าทีเปลี่ยนไป จน Este สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการนอกใจ
"She says, ‘That ain’t my Merlot on his mouth’ / That ain’t my jewelry on our joint account": หลักฐานชัดเจนจาก Este คือ "รสไวน์ที่ไม่ใช่ของเธอ" บนปากสามี และ "เครื่องเพชรที่ไม่ใช่ของเธอ" ในบัญชีร่วม
"No, there ain’t no doubt / I think I’m gonna call him out.": Este ไม่สงสัยแล้ว เธอจะเผชิญหน้ากับสามี
"I think he did it, but I just can’t prove it / No body, no crime": ในท่อนนี้ Este คิดว่าสามีนอกใจ แต่ไม่มีหลักฐานชัดเจน
"Este wasn’t there Tuesday night at Olive Garden / At her job or anywhere": Este หายตัวไปอย่างลึกลับ ทำให้เทย์เลอร์กังวลและเริ่มตั้งข้อสงสัย
"He reports his missing wife / And I noticed when I passed his house / His truck has got some brand new tires": สามีแจ้งความ แต่เทย์เลอร์สังเกตเห็น "ยางรถใหม่" ที่อาจใช้ในการอำพรางร่องรอย
"And his mistress moved in / Sleeps in Este’s bed and everything": การที่เมียน้อยย้ายเข้ามาในบ้านอย่างรวดเร็ว ยิ่งตอกย้ำความสงสัยว่าสามีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ Este
"No, there ain’t no doubt / Somebody’s gotta catch him out": เทย์เลอร์มั่นใจว่าสามีทำผิด และตัดสินใจจะทวงคืนความยุติธรรม
"I think he did it, but I just can’t prove it / No, no body, no crime": ในท่อนนี้ "เขาทำ" หมายถึงการฆาตกรรม Este และ "ไม่มีศพ" หมายถึงการที่ตำรวจไม่พบร่างของ Este ทำให้ไม่สามารถพิสูจน์ความผิดได้
"Good thing my daddy made me get a boating license when I was fifteen": เทย์เลอร์มีความรู้เรื่องการขับเรือ ซึ่งจะช่วยในการอำพรางศพ
"And I’ve cleaned enough houses to know how to cover up a scene": ประสบการณ์การทำความสะอาดทำให้เธอรู้วิธี "อำพรางคดี"
"Good thing Este’s sister’s gonna swear she was with me / She was with me, dude": มีน้องสาวของ Este เป็นพยานยืนยันที่อยู่ปลอมให้
"Good thing his mistress took out a big life insurance policy": แผนการใส่ร้ายเมียน้อยเริ่มขึ้น ด้วยหลักฐานว่าเมียน้อยทำประกันชีวิตก้อนใหญ่ให้สามี
"They think she did it, but they just can’t prove it / She thinks I did it, but she just can’t prove it": ตำรวจสงสัยเมียน้อยแต่ไม่มีหลักฐาน เมียน้อยสงสัยเทย์เลอร์แต่ก็ไม่มีหลักฐานเช่นกัน วนกลับไปที่ "ไม่มีศพ ไม่มีอาชญากรรม" ที่ทำให้ไม่มีใครถูกจับ
"No body, no crime" (ย้ำในตอนท้าย): วลีนี้ถูกเน้นย้ำเพื่อสื่อถึงอาชญากรรมที่เกิดขึ้น ทั้งการนอกใจ การฆาตกรรม Este และการฆาตกรรมสามี Este ซึ่งท้ายที่สุดก็ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดใครได้
บทสรุปจาก "no body, no crime": ชัยชนะของความโกรธแค้นเพื่อความยุติธรรม
เพลง "no body, no crime" เป็นตัวอย่างชั้นเยี่ยมของความสามารถในการเล่าเรื่องของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ที่สามารถสร้างสรรค์โลกทั้งใบของปริศนาฆาตกรรมให้จบลงในไม่กี่นาที เธอถ่ายทอด "ความโกรธแค้นของผู้หญิง" (Female rage) ที่ถูกกระตุ้นจากความอยุติธรรม จนนำไปสู่การแก้แค้นที่แยบยลและไร้ร่องรอย
แม้จะเป็นเรื่องราวแต่งขึ้น แต่ความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมานั้นมีพลัง ทำให้ผู้ฟังรู้สึกร่วมไปกับการทวงคืนความยุติธรรม และรู้สึก "สะใจ" เมื่อผู้ก่อเหตุ (ในบทบาทเทย์เลอร์) สามารถหลุดพ้นจากการถูกจับกุมได้สำเร็จ เพราะ "ไม่มีศพ ไม่มีอาชญากรรม" ที่สามารถพิสูจน์ความผิดได้จริง ๆ
เพลงนี้ยังเป็นการกลับสู่รากเหง้าดนตรีคันทรีของเทย์เลอร์ และได้เปิดตัวที่อันดับ 2 บนชาร์ตเพลงคันทรี ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดของเธอเทียบเท่ากับเพลง "Red" ในปี 2012 ครับ