ฉันกำลังพยายามอยู่จริง ๆ นะ...แม้จะดูเหมือนไม่เป็นอะไรเลย
เพลง "this is me trying" จากอัลบั้ม folklore เป็นบทเพลงที่หนักหน่วงและเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันเปราะบาง มันสะท้อนถึงการต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิต การพึ่งพาแอลกอฮอล์ และความพยายามอย่างยิ่งยวดของคน ๆ หนึ่งที่กำลังดิ้นรนอยู่ในชีวิต
เทย์เลอร์เคยอธิบายเพลงนี้ว่า "เป็นมุมมองของคนที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากการเสพติด หรือความเจ็บป่วยทางจิต และความจริงที่ว่าผู้คนไม่ได้รับรู้ถึงความพยายามในแต่ละวันในการเปลี่ยนแปลงในใจ" เธอและแจ็ค แอนโทนอฟฟ์ (Jack Antonoff) ยังเปรียบเทียบไว้อย่างน่าสนใจว่า "ถ้าคุณขับรถไปที่หน้าผา และตัดสินใจขับรถกลับบ้าน นั่นคือว่าพยายามแล้ว และสิ่งเหล่านี้คือทั้งหมดในเพลงนี้"
เพลงนี้อาจจะเริ่มต้นเหมือนใครบางคนที่กำลังพยายามชดเชยความผิดพลาดในความสัมพันธ์ ยอมรับความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ลึก ๆ แล้ว มันคือการเปิดเผยบาดแผลทางใจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก
เมื่อ "ล้อที่เคยแวววาว" เริ่มขึ้นสนิม
เพลงเริ่มต้นด้วยคำสารภาพที่อ่อนไหวจากตัวละครหลัก (อาจจะเป็นเทย์เลอร์เอง หรือตัวละครสมมติ) ว่า "ฉันกำลังมีช่วงเวลาที่ปรับตัวยาก" (I’ve been having a hard time adjusting) ชีวิตของพวกเขาได้เปลี่ยนไป และกำลังประสบปัญหาในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนั้น
"I had the shiniest wheels, now they’re rusting": ท่อนนี้เปรียบเปรยถึงอนาคตที่เคยสดใส ความมุ่งมั่น และความสามารถที่เคยมี (ล้อที่แวววาว) แต่ตอนนี้มันกลับขึ้นสนิม หยุดนิ่ง ไม่สามารถขับเคลื่อนไปไหนได้เหมือนเมื่อก่อน สิ่งที่เคยส่องประกายก็มัวหมองไปหมดแล้ว
"I didn’t know if you’d care if I came back": ตัวละครสารภาพว่าไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะยังสนใจไหม หากพวกเขากลับมาหลังจากการจากไปแบบกะทันหัน หรือหายตัวไปเฉย ๆ โดยไม่มีคำอธิบาย พวกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป แต่ก็กำลังจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น
"Pulled the car off the road to the lookout / Could’ve followed my fears all the way down": ภาพที่มืดหม่นที่สุดในเพลงคือการที่ตัวละครขับรถไปจอดที่ริมหน้าผา พวกเขาเคยคิดว่าการจบชีวิตลงอาจจะเป็นทางออกของปัญหาทั้งหมด แต่โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ทำเช่นนั้น พวกเขาหันรถกลับและมุ่งหน้าไปหาคนที่ยืนอยู่หน้าประตู
"And maybe I don’t quite know what to say, but I’m here in your doorway / I just wanted you to know that this is me trying": พวกเขาอาจจะยังไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี หรือจะสื่อสารสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ได้อย่างไร แต่การที่พวกเขามาปรากฏตัวที่หน้าประตูนั้น ก็คือการพยายามอย่างที่สุดแล้ว นี่คือการ "พยายามที่จะช่วยชีวิตตัวเอง" แม้ภายนอกอาจจะดูไม่เหมือน แต่ข้างในคือการใช้พลังทั้งหมดที่เหลืออยู่เพื่อต่อสู้
ความผิดหวังในตัวเอง และการต่อสู้กับ "กรงขังทางจิตใจ"
"They told me all of my cages were mental / So I got wasted like all my potential": ตัวละครถูกบอกว่า "กรงขังทั้งหมดของฉันคือเรื่องทางจิตใจ" หรือแปลง่าย ๆ ว่า "มันเป็นเรื่องที่คิดไปเอง" ซึ่งเป็นคำพูดที่ทำลายจิตใจอย่างยิ่ง การถูกบอกว่าทุกอย่างเป็นเรื่องในหัว ทำให้พวกเขารู้สึกไร้หวัง และจึงหันไปพึ่งพายาเสพติดหรือแอลกอฮอล์เพื่อระงับความเจ็บปวด ทำให้พวกเขา "ทำลายศักยภาพทั้งหมดที่มี" ไปกับการมึนเมา
"And my words shoot to kill when I’m mad": เมื่อโกรธ คำพูดของพวกเขาก็รุนแรงและทำร้ายคนอื่นได้เหมือนกระสุน แต่คำว่า "mad" ก็อาจหมายถึง "ป่วยทางจิต" ด้วยเช่นกัน พวกเขาเสียใจกับคำพูดที่ทำร้ายผู้อื่น และเสียใจที่ต้องจมปลงอยู่กับการมึนเมา
"I was so ahead of the curve, the curve became a sphere / Fell behind all my classmates and I ended up here": ตัวละครเคยเป็นคนที่มีความสามารถและนำหน้าคนอื่น ๆ มาตลอด แต่ความก้าวหน้านั้นกลับวนกลับมาสู่จุดเริ่มต้น หรือกลายเป็นวงกลม พวกเขาตกหลังเพื่อน ๆ และมาอยู่ตรงจุดที่ "กำลังระบายความรู้สึกทั้งหมดให้คนแปลกหน้าฟัง"
"But I didn’t pour the whiskey": แม้จะอยู่ในจุดที่ย่ำแย่ที่สุด แต่พวกเขาก็ไม่ได้แตะเหล้า (whiskey) ซึ่งเป็นสัญญาณของความก้าวหน้า แม้จะเล็กน้อยก็ตาม นี่คือความพยายามที่จะหลุดพ้นจากวงจรเดิม ๆ
"this is me trying": เสียงสะท้อนความเจ็บปวดในจิตใจ ที่ต้องการเพียงแค่ความเข้าใจ
เพลง "this is me trying" คือบทเพลงที่สะท้อนถึงความหนักหน่วงของชีวิต การต่อสู้กับปัญหาภายในที่มองไม่เห็น และความปรารถนาที่จะได้รับการยอมรับว่า "ฉันกำลังพยายามอย่างที่สุดแล้วนะ"
เพลงนี้สอนเราว่า:
การพยายามก็คือชัยชนะ: การที่คน ๆ หนึ่งตัดสินใจไม่ขับรถดิ่งหน้าผา แต่หันกลับมาเผชิญหน้ากับความจริง นั่นคือการ "พยายาม" ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว บางครั้งการพยายามเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวัน อาจจะเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับใครบางคน
สุขภาพจิตเป็นเรื่องสำคัญ: เพลงนี้เน้นย้ำถึงความเจ็บปวดทางจิตใจที่คน ๆ หนึ่งต้องเผชิญอยู่ทุกวัน ซึ่งบ่อยครั้งสังคมมักไม่เข้าใจหรือมองข้ามไป
ความเหงาในการดิ้นรน: การต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิตหรือการเสพติดมักเป็นประสบการณ์ที่โดดเดี่ยว เพราะคนรอบข้างอาจไม่เข้าใจถึงความพยายามที่แท้จริงที่เกิดขึ้นภายในใจ
"this is me trying" เปิดตัวที่อันดับ 39 บน Billboard Hot 100 และเป็นหนึ่งในบทเพลงที่สะเทือนอารมณ์และมีความสำคัญอย่างยิ่งในอัลบั้ม folklore ซึ่งเป็นเหมือนการถ่ายทอดเรื่องราวของความเปราะบางของมนุษย์ และการยอมรับว่าบางครั้งการ "พยายาม" ก็เพียงพอแล้ว