แหล่งพักพิงใจของกวีและคนดัง
เพลง "the lakes" เป็นเพลงพิเศษ (bonus track) ที่รวมอยู่ในอัลบั้ม folklore เวอร์ชันดีลักซ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่สามารถหาฟังได้ทางดิจิทัล จนกระทั่งเทย์เลอร์ได้ปล่อยเวอร์ชันดีลักซ์ออกมาอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 สิงหาคม 2020
เพลงนี้เทย์เลอร์ได้รับแรงบันดาลใจจากสถานที่จริง นั่นคือ เขตเลคดิสทริกต์ (Lake District) ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอังกฤษ ที่เธอเคยเดินทางไปกับแฟนหนุ่มชาวอังกฤษของเธอ (โจ อัลวิน) สถานที่แห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นบ้านของกลุ่มกวีแนวโรแมนติกในศตวรรษที่ 19 เช่น William Wordsworth และ John Keats ซึ่งพวกเขาได้เลือกที่จะหนีความวุ่นวายของสังคมมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและสร้างสรรค์ผลงานที่นี่
เทย์เลอร์ได้บอกเล่าว่าเพลงนี้เป็นเหมือนการตกผลึกความคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิต และการหาที่พึ่งใจในเพลง คล้ายกับเพลง "Daylight" ในอัลบั้ม Lover (ปี 2019) เธอเล่าถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เธอได้ผ่านมา และความปรารถนาที่จะไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่ The Lakes เหมือนกับเหล่านักกวีที่เคยทำ
ความปรารถนาที่จะหลีกหนี
เพลง "the lakes" เปิดเผยถึงความรู้สึกที่เธอต้องการจะหลีกหนีจากโลกที่วุ่นวาย:
"Is it romantic how all my elegies eulogize me?": เธอตั้งคำถามว่ามันโรแมนติกหรือไม่ที่บทเพลงหรือผลงานของเธอ (elegy) ได้สรรเสริญตัวเธอ นั่นหมายถึงชื่อเสียงของเธอที่มาจากเพลงอกหักและเรื่องราวส่วนตัวที่ถูกนำไปพูดถึงอย่างต่อเนื่อง
"I’m not cut out for all these cynical clones / these hunters with cell phones": เธอรู้สึกว่าเธอไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่ในโลกที่เต็มไปด้วย "พวกไร้ความรู้สึก" และ "นักล่าที่มาพร้อมโทรศัพท์มือถือ" ซึ่งหมายถึงผู้คนที่ไม่จริงใจ และคนในอินเตอร์เน็ตที่จ้องจะเล่นงานเธอ
"Take me to the Lakes, where all the poets went to die": เธอร้องขอให้พาเธอไปยัง "The Lakes" ที่ซึ่งเหล่านักกวีเคยไปใช้ชีวิตจนบั้นปลาย ที่นั่นเป็นสถานที่ที่เหล่านักกวีโรแมนติกในศตวรรษที่ 19 เคยเลือกที่จะหลีกหนีจากสังคมที่ซับซ้อน เพื่อมาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายใกล้ชิดธรรมชาติ
"I don’t belong and, my beloved, neither do you": เธอรู้สึกว่าเธอไม่เข้าพวกกับสังคมที่วุ่นวายนี้ เช่นเดียวกับคนรักของเธอ
"Those Windermere peaks look like a perfect place to cry": เธอพรรณนาถึงทิวทัศน์อันกว้างใหญ่ของทะเลสาบวินเดอร์เมียร์ที่สวยงาม แต่ก็ยังคงสื่อถึงความเศร้าที่เธอจะนำติดตัวไปด้วย
"I’m setting off, but not without my muse": เธอกำลังจะออกเดินทาง แต่จะไม่ไปคนเดียว เธอจะพา "แรงบันดาลใจ" ของเธอไปด้วย ซึ่งในที่นี้อาจหมายถึงคนรักของเธอ
คุณค่าของคำพูด และการเยียวยาจากธรรมชาติ
"What should be over, burrowed under my skin / in heart-stopping waves of hurt": สิ่งที่ควรจะจบสิ้นไปแล้วกลับยังคงฝังลึกอยู่ใต้ผิวหนังของเธอ ก่อให้เกิดความเจ็บปวดเป็นระลอกคลื่นที่ไม่สิ้นสุด
"I’ve come too far to watch some name-dropping sleaze tell me what are my words worth": เธอเดินทางมาไกลเกินกว่าที่จะมาทนฟังคน "หน้าไหว้หลังหลอก" ที่พูดถึงชื่อเธอ (อาจหมายถึงสกู๊ตเตอร์ บราวน์ ที่เกี่ยวข้องกับการขายลิขสิทธิ์เพลงของเธอ) และมาบอกว่า "คำพูดของฉันมีค่าแค่ไหน"
"I want auroras and sad prose / I want to watch wisteria grow right over my bare feet / ‘cause I haven’t moved in years": เธอปรารถนาที่จะเห็นแสงเหนือและบทกวีที่เศร้าสร้อย เธออยากเฝ้าดูต้นวิสทีเรียเลื้อยขึ้นไปปกคลุมเท้าเปล่าของเธอ เพราะเธอรู้สึกเหมือนไม่ได้ขยับไปไหนเลยมาหลายปีแล้ว เธออยากจะใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและช้าลง
"And I want you right here / A red rose grew up out of ice frozen ground / With no one around to tweet it": เธอต้องการให้คนรักอยู่ตรงนี้กับเธอ และได้เห็น "กุหลาบแดงที่เติบโตขึ้นจากพื้นดินที่กลายเป็นน้ำแข็ง" โดย "ไม่มีใครอยู่รอบ ๆ ที่จะทวีตมัน" สื่อถึงความงามที่เกิดขึ้นได้แม้ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย และการเกิดขึ้นของสิ่งสวยงามที่ไม่ต้องถูกบันทึกหรือเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย
"while I bathe in cliffside pools / with my calamitous love and insurmountable grief": แม้จะหลีกหนีมาแล้ว แต่ความรักที่พังทลายและความเศร้าที่ไม่อาจเอาชนะได้ก็ยังคงติดตามเธอไปอยู่ดี เธอยังคงอาบน้ำกับสิ่งเหล่านั้นในสระริมหน้าผา แสดงให้เห็นว่าการหนีไปสถานที่ใหม่ไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกภายในหายไป
การเริ่มต้นใหม่ในฐานะกวี
เพลง "the lakes" ปิดท้ายด้วยการที่เทย์เลอร์บอกว่าเธอเองก็อยากจะเป็นเหมือนกวีเหล่านั้นที่ไป "ตาย" (หมายถึงการปลดปล่อยตัวตนเก่า / ไปใช้บั้นปลายชีวิต) ที่ The Lakes:
"I’m setting off, but not without my muse": เธอออกเดินทางเพื่อการเปลี่ยนแปลงและกำเนิดใหม่ แต่จะไม่ไปคนเดียว เธอจะพา "แรงบันดาลใจ" ของเธอไปด้วย ซึ่งในที่นี้อาจหมายถึงความเศร้าและความรักที่พังทลายของเธอ ที่ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ผลงาน หรืออาจจะหมายถึง เธอจะไม่ไป ถ้าไม่มีคนรักของเธอไปใช้ชีวิตที่นั่นด้วยกัน
เพลง "the lakes" เป็นเพลงที่ถูกผลิตโดย Jack Antonoff และ Taylor Swift โดย Jack Antonoff ได้บอกว่าตอนแรกเขาตั้งใจจะให้เพลงนี้มีการจัดเรียงเครื่องสายแบบออร์เคสตราขนาดใหญ่ แต่เทย์เลอร์ขอให้ลดขนาดลง ทำให้เพลงนี้มีเสียงที่ "เล็ก" และ "สมบูรณ์แบบ" มากขึ้น
เพลงนี้เปิดตัวในวันที่ 18 สิงหาคม 2020 และถือเป็นบทสรุปที่สวยงามของอัลบั้ม folklore ที่เต็มไปด้วยการรำพึงรำพัน ความทรงจำ ความเศร้าโศก ธรรมชาติ และการหลีกหนีจากความเป็นจริง