เสียงสารภาพจากใจของตัวร้ายในเรื่องเล่าของตัวเอง
"Anti-Hero" คือเพลงลำดับที่ 3 จากอัลบั้ม Midnights และเป็นซิงเกิลนำที่สร้างความฮือฮาได้อย่างล้นหลาม เทย์เลอร์ สวิฟต์บรรยายเพลงนี้ว่าเป็น "หนึ่งในเพลงโปรดที่ฉันเคยแต่งมา" และเปรียบเปรยว่าเป็น "ไกด์นำคุณทัวร์ที่จะผ่านอะไร ๆ ที่ฉันเคยเกลียดในตัวเอง" ซึ่งแสดงให้เห็นถึงมุมมองที่มืดมนและลึกซึ้งกว่าปกติเกี่ยวกับความรู้สึกไม่มั่นคงและข้อบกพร่องส่วนตัวของเธอ
เพลงนี้เผยแพร่พร้อมอัลบั้ม Midnights ในวันที่ 21 ตุลาคม 2022 และสร้างประวัติศาสตร์บนชาร์ต Billboard Hot 100 ด้วยการเปิดตัวที่อันดับ 1 ซึ่งเป็นเพลงอันดับ 1 เพลงที่ 9 ของเธอ และการเปิดตัวอันดับ 1 ครั้งที่ 5 ของเธอ ที่สำคัญคือ "Anti-Hero" และเพลงอื่น ๆ อีก 9 เพลงจากอัลบั้ม Midnights สามารถครอง 10 อันดับแรกของชาร์ต Billboard Hot 100 ได้ทั้งหมดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ Billboard
เทย์เลอร์ได้อธิบายถึงความหมายของเพลงนี้ว่า: "ฉันไม่เคยเจาะลึกลงไปมากขนาดนี้มาก่อนในประเด็นเรื่องของความรู้สึกไม่มั่นคงในตัวเอง... ฉันมักรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์... เธอยังเสริมว่า "เราทุกคนต่างก็มีอะไรที่ไม่ชอบในตัวเองกันทั้งนั้น มันคือมุมมองของสิ่งที่เราไม่ชอบและชอบในตัวเอง จนมาถึงจุดที่ว่า 'เราจะชอบตัวตนในแบบที่เราเป็นนี่หรือเปล่า?'"
เพลงนี้ถูกแต่งและโพรดิวซ์ร่วมกับแจ็ค แอนโทนอฟฟ์ (Jack Antonoff) ซึ่งเป็นผู้ร่วมงานกับเทย์เลอร์มาอย่างยาวนาน Jack ยังกล่าวถึงเพลงนี้ว่า "มันซื่อสัตย์และตลกมาก แต่ก็แสนหวานและโศกเศร้าเหมือนกัน" แถมยังเปิดเผยว่าตอนแรกเขาไม่ได้คิดว่าเพลงนี้จะเป็นเพลงฮิต เพราะมันไม่ได้มีโครงสร้างที่เรียบง่ายติดหู แต่เป็นเพลงที่ออกมาจากใจจริง ๆ
มิวสิกวิดีโอเพลง "Anti-Hero" กำกับและเขียนบทโดยเทย์เลอร์ สวิฟต์เอง โดยใช้ภาพเชิงตลกขบขันเพื่อสื่อถึงความกังวลและความไม่มั่นคงของเธอผ่านตัวละครเทย์เลอร์หลายเวอร์ชัน โดยเฉพาะฉากในฝันที่สะท้อนถึงความกลัวของเธอในอนาคต
แกะเนื้อเพลง "Anti-Hero": การสำรวจจิตใจที่มืดมนของตัวเอง
เพลง "Anti-Hero" เปรียบเสมือนการเดินทางผ่านฝันร้ายและความคิดที่วนเวียนในยามค่ำคืน สะท้อนความกังวลและความรู้สึกด้านลบที่เทย์เลอร์มีต่อตัวเอง:
"I have this thing where I get older, but just never wiser / Midnights become my afternoons / When my depression works the graveyard shift, all of the people I’ve ghosted stand there in the room": เธอเปิดเผยความรู้สึกที่ว่าแม้ร่างกายของเธอจะโตขึ้น แต่ตัวเธอเองไม่เคยโตตามตัวเธอเลย การนอนหลับที่กลับกัน และเมื่อ "ความซึมเศร้าทำงานกะกลางคืน" บรรดาคนที่เธอเคย "Ghosted" (ตัดขาดการติดต่อ) ก็ปรากฏขึ้นในความคิดของเธอราวกับวิญญาณตามหลอกหลอน ทำให้เธอนอนไม่หลับ และใช้ชีวิตเมือนกับคนอีกฝั่งของโลก
"I should not be left to my own devices / They come with prices and vices / I end up in crisis": เธอเชื่อว่าไม่ควรถูกปล่อยให้อยู่ลำพัง เพราะจะนำไปสู่ "เรื่องไม่ดีที่จะเกิดขึ้น" และสุดท้ายก็จะ "ลงเอยด้วยวิกฤต"
"I wake up screaming from dreaming / One day, I’ll watch as you’re leaving / 'Cause you got tired of my scheming": เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องจากความฝันร้าย ที่กลัวว่าสักวันหนึ่งคนรักหรือแฟนเพลงจะจากไป เพราะเบื่อหน่ายกับ "แผนการ" หรือความซับซ้อนในตัวเธอ
"It’s me, hi / I’m the problem, it’s me": นี่คือท่อนฮุกที่กลายเป็นวลีติดปากและเป็นแก่นของเพลง "ฉันเอง หวัดดี / ฉันคือตัวปัญหา ฉันเองแหละ" เป็นการยอมรับอย่างตรงไปตรงมาถึงการเป็นสาเหตุของปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
"At teatime, everybody agrees / I’ll stare directly at the sun, but never in the mirror": เธอเสียดสีการนินทาว่า "ตอนเวลาน้ำชาน่ะ ใคร ๆ ก็เห็นตัวทั้งนั้น" ว่าเธอคือปัญหา และเธอยอม "จ้องดวงอาทิตย์ แทนที่จะมองไปในกระจกแทน" ซึ่งหมายถึงการหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับข้อบกพร่องของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา
"It must be exhausting always rooting for the anti-hero": เธอพูดกับแฟนเพลงของเธอว่า "มันคงเหนื่อยน่าดู ที่ต้องคอยเชียร์ฮีโร ที่ไม่เคยทำตัวเป็นฮีโรอยู่เสมอ" เป็นการตระหนักว่าเธอไม่ใช่ฮีโรในอุดมคติ แต่ก็ยังคงได้รับการสนับสนุนจากผู้คน
"Sometimes, I feel like everybody is a sexy baby / And I’m a monster on the hill": เธอรู้สึกว่าบางครั้งคนอื่น ๆ เป็นเหมือน "sexy baby" (ภาพลักษณ์ที่ดูสวยงาม ไร้เดียงสา น่าปรารถนา) ในขณะที่เธอเป็นเหมือน "สัตว์ประหลาดบนเนินเขา" ที่ตัวใหญ่เกินไปและถูกมองว่าเป็นภัยคุกคาม ซึ่งสะท้อนความรู้สึกแปลกแยกและโดดเดี่ยว
"My covert narcissism I disguise as altruism like some kind of congressman": เธอพูดถึงข่าวลือที่ว่าเธอเป็นคนหลงตัวเองที่แฝงมาในรูปแบบของการทำความดี เหมือนนักการเมืองที่เสแสร้ง
"I have this dream my daughter-in-law kills me for the money / She thinks I left them in the will": ในฝันร้าย เธอจินตนาการว่าลูกสะใภ้ฆ่าเธอเพื่อเงิน เพราะคิดว่าเธอจะทิ้งมรดกไว้ให้ เป็นการเสียดสีภาพลักษณ์ของหญิงชราผู้ร่ำรวยและขี้เหนียว
"She’s laughing up at us from Hell": ท่อนนี้ในฝันร้ายของเธอยังสะท้อนความกังวลเกี่ยวกับศาสนาและการตกนรก ซึ่งเป็นธีมที่ปรากฏในอัลบั้ม Midnights
บทสรุปจาก "Anti-Hero": การยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ
"Anti-Hero" ไม่ใช่แค่เพลง แต่เป็น "ไดอารี่ส่วนตัว" ที่เทย์เลอร์เปิดเผยให้เราเห็นความคิดที่ซับซ้อนและบางครั้งมันก็มีความมืดมนในใจของเธอ เพลงนี้คือการยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง การเผชิญหน้ากับความกลัวที่ลึกที่สุด และการตระหนักว่าแม้เธอจะไม่ใช่ฮีโรในแบบที่สังคมคาดหวัง แต่เธอก็ยังคงเป็นมนุษย์ที่มีข้อบกพร่อง และเธอก็เลือกที่จะซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกเหล่านั้น
เพลงนี้คือจดหมายรักที่เทย์เลอร์ส่งถึงแฟนเพลงของเธอ เพื่อขอบคุณที่ยังคงอยู่เคียงข้างเธอ แม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบ และไม่เคยอ้างว่าตัวเองเป็นแบบนั้นเลย