เมื่อผู้หญิงถูกตีตราว่า "บ้า" เพราะกล้าลุกขึ้นสู้

เพลง "mad woman" จากอัลบั้ม folklore คือบทเพลงที่ทรงพลัง สะท้อนถึงความโกรธแค้นของผู้หญิงที่ถูกมองว่าเป็นคน "บ้า" อย่างไม่เป็นธรรม เพียงเพราะพวกเขามีปฏิกิริยาตอบโต้ หรือแสดงอารมณ์โกรธออกมาอย่างสมเหตุสมผล

เทย์เลอร์เคยกล่าวถึงแนวคิดนี้ไว้ในปี 2019 ว่า "ผู้ชายอนุญาตให้ตอบโต้, ส่วนผู้หญิงจะถูกมองว่านี่มันมากเกินไป" เพลงนี้จึงเป็นการตั้งคำถามถึงมาตรฐานสองแบบที่สังคมมีต่ออารมณ์ของผู้ชายและผู้หญิง

เนื้อเพลงอาจมีที่มาจากเรื่องราวของ Rebekah Harkness (รีเบคกา ฮาร์คเนสส์) หญิงม่ายผู้แปลกประหลาดที่ถูกชาวเมืองประณาม ซึ่งเทย์เลอร์เคยเล่าเรื่องราวของเธอในเพลง "the last great american dynasty" ด้วย


เมื่อแมงป่องถูกยั่วยุ ก็ต้องตอบโต้

เพลง "mad woman" เปิดฉากขึ้นกลางบทสนทนาที่เผ็ดร้อน สะท้อนอารมณ์โกรธที่อัดอั้นของเทย์เลอร์:


"คนบ้า": ฉายาที่ถูกยัดเยียดเมื่อผู้หญิงแสดงความโกรธ

ท่อนพรี-คอรัสและคอรัสของเพลงนี้ พูดถึงแนวคิด "hysteria" หรือ "อาการฮิสทีเรีย" ในอดีต ที่ผู้หญิงถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้เพียงเพราะแสดงความกังวล หรือไม่เป็นไปตามความคาดหวังของสังคม ทำให้บางคนถูกกักขังอยู่ในสถาบันทางจิต:


การแก้แค้นที่กำลังจะเกิดขึ้น และการเปิดเผยความจริง


"mad woman": การปลดปล่อยความโกรธที่ถูกกักขัง

เพลง "mad woman" คือการประกาศอิสรภาพของเทย์เลอร์ในการแสดงความโกรธอย่างตรงไปตรงมา หลังจากที่ภาพลักษณ์และบทเพลงของเธอถูกควบคุมมานาน เธอไม่ได้เป็นเพียง "ผู้หญิงบ้าที่ถูกขังอยู่ในห้องใต้หลังคา" อีกต่อไป แต่เป็นผู้ที่กล้าเปิดเผยความจริง

เพลง "mad woman" เปิดตัวที่อันดับ 47 บน Billboard Hot 100 และเป็นหนึ่งในบทเพลงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในอัลบั้ม folklore ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตและความกล้าหาญของเทย์เลอร์ในการใช้เสียงของเธอเพื่อพูดถึงความอยุติธรรมและการกดขี่