สวนสนุกแห่งความทรงจำ และความเสียใจของความรักที่เลือนหาย
เพลง "coney island" คือการร่วมงานกันครั้งแรกระหว่างเทย์เลอร์ สวิฟต์ และวง The National หลังจากที่เธอทำงานอย่างใกล้ชิดกับ แอรอน เดสเนอร์ (Aaron Dessner) สมาชิกของวง ในการสร้างสรรค์อัลบั้ม folklore และ evermore บทเพลงนี้เป็นเพลงที่เปี่ยมไปด้วยความหม่นหมองและหวนรำลึกถึงอดีต สะท้อนถึงความรู้สึกของการสูญเสียและความทรงจำในความสัมพันธ์ที่เคยพังทลายลง
ชื่อเพลง "coney island" อ้างอิงถึงสถานที่จริงในนครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นสวนสนุกที่มีชื่อเสียงมากในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และปัจจุบันก็ยังคงเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา เทย์เลอร์ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์แทน "ความเสียใจที่เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ที่ผิดพลาดในอดีต" เธออธิบายใน Apple Music ว่า Coney Island เป็นตัวแทนของ "สถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยพลังงานและเวทมนตร์ และตอนนี้มันดับลงแล้ว และคุณกำลังมองดูมันและคิดว่า 'ฉันทำอะไรลงไป'" ภาพของสวนสนุกที่เคยมีชีวิตชีวาแต่ตอนนี้กลับเงียบงันและถูกทอดทิ้ง สะท้อนความสัมพันธ์ที่เคยตื่นเต้นและสดใส แต่ปัจจุบันกลับว่างเปล่าและเต็มไปด้วยความเสียใจ
เพลงนี้มีความพิเศษด้วยการเป็นเพลงดูเอตที่ Matt Berninger นักร้องนำจากวง The National มาร่วมร้อง โดยเขาถ่ายทอดบทบาทของอีกฝ่ายที่เทย์เลอร์กำลังพูดคุยด้วยในเพลง เทย์เลอร์ได้อธิบายว่ามุมมองของ Matt คือ "มุมมองของผู้ชายที่รู้สึกเสียใจหรือรู้สึกผิดอย่างหนัก หลังจากที่ทำพฤติกรรมบางอย่างมาตลอด" ทำให้เพลงนี้เป็นบทสนทนาโต้ตอบระหว่างสองฝ่ายที่ต่างรู้สึกผิดและเสียใจในความสัมพันธ์ที่จบลง
นอกจากนี้ เทย์เลอร์ยังได้ร่วมเขียนเพลงนี้กับ Joe Alwyn (ภายใต้นามแฝง William Bowery) ซึ่งเป็นผู้ที่ช่วยเขียนเพลงอื่น ๆ ในอัลบั้ม evermore ด้วย และ Aaron Dessner ก็ยังได้นำสมาชิกคนอื่น ๆ ของ The National มาร่วมเล่นดนตรีในเพลงนี้อย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย ทำให้เพลงนี้มีกลิ่นอายของ The National อย่างชัดเจน แต่ก็ยังคงความเป็นเทย์เลอร์ สวิฟต์ในเนื้อหาได้อย่างลงตัว
แกะเนื้อเพลง "coney island": บทสนทนาแห่งความเสียใจและการยอมรับผิด
เพลง "coney island" พาเราดำดิ่งสู่ความรู้สึกผิดและความเสียใจของทั้งสองฝ่ายในความสัมพันธ์ที่จบลง:
"Break my soul in two looking for you / But you’re right here.": เธอพยายามอย่างหนักจน "ทำลายจิตวิญญาณของตัวเอง" เพื่อค้นหาเขา ทั้งที่เขาก็อยู่ตรงนั้น แต่ความสัมพันธ์กลับแตกสลายไปแล้ว
"If I can’t relate to you anymore / Then who am I related to?": เมื่อความสัมพันธ์ไม่อาจเข้ากันได้อีกต่อไป เธอจึงตั้งคำถามถึงตัวตนของตัวเอง
"And if this is the long haul / How’d we get here so soon?": เธอเคยเชื่อว่าความสัมพันธ์นี้จะยั่งยืนตลอดไป แต่กลับมาถึงจุดจบอย่างรวดเร็วเกินคาด
"Did I close my fist around something delicate? / Did I shatter you?": เธอตั้งคำถามว่าตัวเองเคย "กำแน่นเกินไป" จนทำให้อีกฝ่ายแตกสลายหรือไม่ เป็นการย้อนแย้งกับเนื้อเพลง "champagne problems"
"And I’m sitting on a bench in Coney Island / Wondering where did my baby go?": ภาพของ Coney Island ที่ร้างผู้คน สื่อถึงความรู้สึกอ้างว้างและความสงสัยว่าคนรักที่เคยอยู่ข้างกายกันมันหายไปไหน
"The fast times, the bright lights, the merry go": ความสัมพันธ์ที่เคยตื่นเต้น มีสีสัน และหมุนไปวนไปอย่างรวดเร็วเหมือนเครื่องเล่นในสวนสนุก
"Sorry for not making you my centerfold": เธอขอโทษที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายเป็นอันดับแรกในชีวิต เหมือนหน้ากลางของนิตยสารที่เป็นจุดเด่นที่สุด
"And it gets colder and colder / When the sun goes down": ความสัมพันธ์ที่เย็นชาลงเรื่อย ๆ เมื่อ "ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า" สิ้นสุดลง
"What’s a lifetime of achievement / If I pushed you to the edge?": มุมมองของ Matt ที่ตั้งคำถามถึงความสำเร็จทั้งหมดในชีวิต หากมันต้องแลกมาด้วยการ "ผลักอีกฝ่ายให้ไปสุดขอบ" (ทำให้เจ็บปวด)
"But you were too polite to leave me": อีกฝ่ายสุภาพเกินไปที่จะทิ้งเขาไป แม้จะเจ็บปวดก็ตาม
"And do you miss the rogue / Who coaxed you into paradise and left you there?": ทั้งสองต่างตั้งคำถามกันและกันถึง "คนร้าย" ที่หลอกล่อให้หลงใหลในความสุขก่อนจะทอดทิ้งไป
"Will you forgive my soul / When you’re too wise to trust me and too old to care?": พวกเขาต่างสงสัยว่าอีกฝ่ายจะให้อภัยได้หรือไม่ เมื่อต่างคนต่างเติบโตจนเกินกว่าจะเชื่อใจหรือใส่ใจกันอีกแล้ว
"’Cause we were like the mall before the internet / It was the one place to be": เปรียบเทียบความสัมพันธ์กับ "ห้างสรรพสินค้าก่อนยุคอินเทอร์เน็ต" ที่เคยเป็นศูนย์กลางและทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ตอนนี้กลับร่วงโรยเหมือนห้างร้าง
"Sorry for not winning you an arcade ring": ขอโทษที่ไม่ได้ "ชนะแหวนเกมตู้" ให้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความฝันวัยรุ่น หรือแหวนแต่งงาน
"Were you waiting at our old spot / In the tree line by the gold clock?": เธอถามว่าเขาเคยรอเธอที่จุดนัดพบเก่า ๆ ที่ "ต้นไม้ริมนาฬิกาสีทอง" หรือไม่ (นาฬิกาสีทองยังเชื่อมโยงกับ "golden love" ในเพลงอื่น ๆ ของเทย์เลอร์ และเวลาที่กำลังเดินไป)
"Did I leave you hanging every single day?": เธอทิ้งให้เขารอคอยทุกวันหรือไม่
"Were you standing in the hallway / With a big cake, happy birthday?": เขาก็ถามกลับว่าเธอเคยรอเขาอยู่ในโถงทางเดินพร้อมเค้กวันเกิดก้อนใหญ่หรือไม่ ซึ่งอาจอ้างอิงถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ Jake Gyllenhaal อดีตแฟนของเทย์เลอร์พลาดงานวันเกิด 21 ปีของเธอ
"Did I paint your bluest skies the darkest grey?": เขาถามว่าเขาเป็นคนทำให้ "ท้องฟ้าสีฟ้าที่สดใส" ของเธอเปลี่ยนเป็น "สีเทาหม่น" หรือไม่
"A universe away": ทั้งคู่รู้สึกว่าอยู่ห่างไกลกันมาก เหมือนอยู่กันคนละจักรวาล
บทสรุปจาก "coney island": ความเสียใจที่ไม่อาจแก้ไข
เพลง "coney island" เป็นบทเพลงดูเอตที่เจ็บปวดเกี่ยวกับการยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ที่ค่อย ๆ ร่วงโรย ทั้งสองฝ่ายต่างแสดงความเสียใจในการละเลยซึ่งกันและกัน แต่กลับไม่มีคำสัญญาว่าจะแก้ไขให้ดีขึ้น มีเพียงคำขอโทษและการยอมรับว่าพวกเขาต่างทำให้ความสัมพันธ์พังทลายลง
เพลงนี้เป็นเหมือนบทสรุปของความสัมพันธ์ที่จบลงด้วยความเฉยเมย พวกเขามองเห็นความผิดพลาดและสิ่งที่ขาดไป แต่ก็ไม่ได้พยายามเปลี่ยนแปลง ทำให้ความรักของพวกเขาเหลือเพียง "สวนสนุกที่ถูกทอดทิ้ง" ที่เคยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ตอนนี้กลับว่างเปล่าและเหลือไว้เพียงความเสียใจที่ไม่อาจแก้ไขได้ครับ