เพลงนี้ Taylor Swift แต่งเพลงนี้จากประสบการณ์ตรงของตัวเอง เกี่ยวกับการได้พบผู้ชายคนหนึ่งในนิวยอร์ก เธอเคยคุยกับเขาผ่านอีเมล หรืออะไรสักอย่างมาก่อนแต่ก็ยังไม่เคยเจอกัน การได้เจอกับเขามันล้นหลามด้วยความรู้สึกที่หวังว่าเขาจะยังไม่ไปตกหลุมรักใคร ตลอดทางกลับบ้าน เธอเอาแต่นั่งคิดว่าจะได้คุยกับเขาอีกไหม
เทย์เลอร์เริ่มแต่งเพลงนี้เมื่อเธอมาถึงห้องของโรงแรมแห่งหนึ่ง เพราะมันมีแต่ความรู้สึกบวก ๆ เต็มไปด้วยความปรารถนาที่หวังให้เขาเข้าใจว่าเธอรักการได้พบปะกับเขาแค่ไหน ท่อนโปรดของเพลงนี้ที่เธอชอบคือ 'Please don't be in love with someone else/Please don't have somebody waiting on you.' (ได้โปรดอย่าไปรักใครคนอื่นนะ ได้โปรดอย่ามีใครรอคอยเธออยู่เลย) ตอนนั้นที่เทย์เลอร์เจอกับชายปริศนานั่น เธอคิดแบบในท่อนนี้เลย
เธอคาดหวังให้เขารู้ว่าเพลงนี้หมายถึงเขา เธอจึงใช้คำว่า Wonderstruck เป็นคำใบ้ เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยเขียนอีเมลหาเทย์เลอร์โดยใช้คำนี้เป็นคำใบ้
ตอนแรกชื่ออัลบั้มจะไม่ได้ชื่อ Speak Now ด้วย เพราะมันเกือบจะชื่อว่า Enchanted แต่ Scott Borchetta คิดว่ามันดูเทพนิยาย และดูมัธยมเกินไป จึงเปลี่ยนมาจนเป็นชื่อ Speak Now ที่เห็นกันอยู่ ณ ปัจจุบัน
Adam Young วง Owl City คือหนุ่มที่เทย์เลอร์แต่งเพลงนี้ถึง เขาตอบกลับเธอผ่านเว็บไซต์ตัวเองว่าเขาก็รู้สึกชอบเธอเหมือนกันตอนที่เจอกันครั้งแรก "คุณคือเจ้าหญิงที่แท้จริงจากเทพนิยายฝันหวาน เหนือสิ่งอื่นใด ผมแค่อยากให้คุณรู้ ผมก็ปลื้มจริง ๆ ที่ได้เจอคุณ" พร้อมแนบคลิปเพลง Enchanted ของเทย์เลอร์แต่เป็นเวอร์ชันที่เขาทำขึ้นใหม่ เปลี่ยนท่อนเวิร์สตอนท้ายเป็นการตอบกลับเนื้อเพลงต้นฉบับของเทย์เลอร์
เพลงนี้มีน้ำหอมด้วยนะ เทย์เลอร์ทำงานร่วมกับ Elizabeth Arden เพื่อน้ำหอมของเธอที่ใช้ชื่อว่า Wonderstruck "ครั้งแรกเมื่อเราเจอใครสักคน น้ำหอมสามารถสร้างความประทับใจแรกให้เป็นความทรงจำของคุณได้"
และตอนนี้เธอได้นำเพลงนี้ของเธอ กลับมาบันทึกอีกครั้ง ภายใต้ชื่อ Taylor's Version (เวอร์ชันนี้เป็นของเทย์เลอร์)