เมื่อความรักคือยาเสพติด...ชนิดเดียวที่ฉันต้องการ

เคยไหมที่รู้สึกว่ากำแพงในใจที่สร้างมานาน...พังทลายลงเพราะใครคนหนึ่ง? นี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดของเรื่องราวใน reputation ครับ มันคือวินาทีที่ตัวตนที่เคยแข็งกร้าวและเย็นชาเหมือนป้อมปราการ เริ่ม ยอมจำนนต่อความรัก อย่างหมดหัวใจ "Don't Blame Me" คือคำสารภาพว่าอะไรคือพลังที่แท้จริงที่สามารถทลายกำแพงที่สูงที่สุดลงได้...และคำตอบนั้นก็คือความรักที่รุนแรงจนทำให้เรายอมเสี่ยงทุกอย่างอีกครั้ง

การยอมจำนน...แด่รักที่เข้ามาเปลี่ยนโลกทั้งใบ

เพลงนี้คือความรู้สึกที่เราทุกคนเคยเป็น มันคือการตกหลุมรักใครสักคนอย่างจังในวันที่เรารู้สึกว่าโลกทั้งใบโหดร้ายกับเราเหลือเกิน จนคน ๆ นั้นกลายเป็นเหมือนแสงสว่างเดียว เป็นเหตุผลที่ทำให้เราอยากจะลุกขึ้นสู้และกล้าทำอะไรบ้า ๆ ที่ไม่เคยคิดจะทำมาก่อน เพลงนี้จึงเป็นเหมือนคำแก้ต่างให้กับทุกการกระทำที่ดู 'คลั่ง' ในสายตาคนอื่น มันคือการบอกว่า "อย่ามาโทษฉันเลยนะที่ฉันเปลี่ยนไป ที่ฉันพร้อมจะสู้กับคนทั้งโลก...ก็ดูความรักที่ฉันเจอสิ มันทรงพลังขนาดนี้ จะไม่ให้ฉันยอมจำนนได้ยังไง?"


แกะเนื้อเพลง: คำสารภาพของคนติดรัก

ทุกท่อนในเพลงนี้คือการยอมจำนนต่อความรักที่เปรียบเสมือนยาเสพติด


บทสรุปจาก "Don't Blame Me":เมื่อความรักคือแสงสว่าง...ที่แผดเผาได้ทุกสิ่ง

"Don't Blame Me" ไม่ใช่แค่เพลงรักธรรมดา แต่มันคือจุดเปลี่ยนที่สำคัญของเรื่องราวในอัลบั้ม reputation มันคือการค้นพบ 'เหตุผล' ที่จะทำให้เธอกล้าที่จะลุกขึ้นสู้กับโลกภายนอก เพราะตอนนี้เธอไม่ได้สู้อยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว แต่มี 'ยาเสพติด' ที่ดีที่สุดในโลกเป็นพลังขับเคลื่อนอยู่ข้างกาย แต่มันก็ทิ้งคำถามที่น่ากลัวที่สุดไว้ว่า...เมื่อเรายอม 'เสพติด' ความรักจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว ปลายทางของมันจะคือการ 'ลงแดง' อย่างเจ็บปวด หรือคือการ 'ไถ่บาป' ที่คุ้มค่าทุกความเสี่ยง?

เพลงนี้ได้กลายเป็นอีกหนึ่งเพลงโปรดของแฟน ๆ ในคอนเสิร์ต ด้วยเสียงร้องที่ทรงพลังและท่อนบริดจ์ที่พีคจนขนลุก เป็นการแสดงถึงความคลั่งรักที่ทั้งสวยงามและอันตรายได้อย่างสมบูรณ์แบบ