เสียงสะท้อนจากอดีต... แรงบันดาลใจชั่วนิรันดร์
เพลง "marjorie" คือบทเพลงลำดับที่ 13 จากอัลบั้ม evermore ซึ่งเป็นบทเพลงอันสุดซึ้งที่เทย์เลอร์ สวิฟต์เขียนขึ้นเพื่ออุทิศให้กับ Marjorie Finlay คุณยายผู้ล่วงลับของเธอ ซึ่งเป็นนักร้องโอเปร่าและเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้เทย์เลอร์เลือกเดินบนเส้นทางดนตรีได้อย่างเต็มตัว ที่พิเศษไปกว่านั้น คือในเพลงนี้เราจะได้ยินเสียงร้องโอเปร่าของคุณยาย Marjorie จริง ๆ ที่ถูกนำมาใส่ไว้ในเพลงจากแผ่นเสียงเก่า
เพลงนี้ยังเชื่อมโยงกับ "epiphany" เพลงลำดับที่ 13 จากอัลบั้ม folklore ซึ่งเป็นเพลงที่เทย์เลอร์เขียนถึง Dean คุณปู่ของเธอ ผู้เป็นทหารผ่านศึกในสงครามโลก แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของบุคคลในครอบครัวที่มีอิทธิพลต่อชีวิตและผลงานของเธอ
เทย์เลอร์เคยเล่าให้ Zane Lowe จาก Apple Music ฟังว่า คุณยายของเธอเสียชีวิตในขณะที่เธอไม่ได้อยู่ที่แนชวิลล์ เพราะตอนนั้นเธอกำลังพยายามนำซีดีเดโมไปเสนอค่ายเพลง "ฉันคิดว่าความเสียใจที่ยากที่สุดรูปแบบหนึ่ง คือการเผชิญความเสียใจในตอนที่ยังอายุน้อย เมื่อคุณสูญเสียใครสักคนที่คุณยังไม่มีมุมมองที่จะเรียนรู้ และชื่นชมว่าเขาเป็นใครอย่างเต็มที่" เธอยังเสียใจที่ไม่เคยได้ถามคำถามมากมาย เช่น เรื่องราวเบื้องหลังชุดสวย ๆ ในตู้เสื้อผ้าของคุณยาย เพลงนี้จึงเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกเสียใจและปรารถนาที่จะเชื่อมต่อกับผู้เป็นที่รักที่จากไปแล้ว
เพลง "marjorie" ได้ถูกโพรดิวซ์โดย แอรอน เดสเนอร์ (Aaron Dessner) ซึ่งเขากล่าวว่า เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงที่มีการทดลองมากที่สุดในอัลบั้ม โดยมีการใช้เทคนิคการเรียบเรียงเสียงที่ซับซ้อนและมีเลเยอร์ซ่อนอยู่เบื้องหลังความเรียบง่ายของเพลง
แกะเนื้อเพลง "marjorie": คำสอนจากใจและมรดกที่ไม่เคยเลือนหาย
เพลงนี้เต็มไปด้วยคำสอนอันล้ำค่าและความทรงจำที่เทย์เลอร์มีต่อคุณยายของเธอ:
"Never be so kind / You forget to be clever / Never be so clever / You forget to be kind.": บทขึ้นต้นด้วยคำสอนที่อาจเป็นของคุณยาย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ส่งต่อมาถึงเทย์เลอร์ ให้รู้จักรักษาสมดุลระหว่างความเมตตาและความฉลาด
"And if I didn’t know better / I’d think you were talking to me now / If I didn’t know better / I’d think you were still around": เธอรู้สึกถึงการมีอยู่ของยาย ราวกับว่ายายกำลังพูดคุยและอยู่เคียงข้างเธอ
"What died didn’t stay dead / You’re alive, you’re alive in my head": สิ่งที่จากไปไม่ได้ตายจากกันไปจริง ๆ คุณยายยังคง "มีชีวิตอยู่ในใจของฉัน" สื่อถึงความรู้สึกที่ยังคงเชื่อมโยงกันอยู่
"Never be so polite / You forget your power / Never wield such power / You forget to be polite": อีกหนึ่งบทเรียนที่เน้นย้ำถึงการใช้พลังอย่างมีมารยาท แต่ก็ไม่ปล่อยให้ความสุภาพขัดขวางการแสดงพลังที่จำเป็น
"The autumn chill that wakes me up / You loved the amber skies so much": เธอนึกถึงความทรงจำกับคุณยาย เช่น การชื่นชมท้องฟ้ายามเช้าที่ยายเคยรัก
"Long limbs and frozen swims / You’d always go past where our feet could touch": เธอหวนคิดถึงภาพคุณยายที่กล้าหาญ ชอบว่ายน้ำในที่ลึก แสดงถึงการที่ยายเป็นผู้ที่กล้าก้าวข้ามขีดจำกัด
"I should’ve asked you questions / I should’ve asked you how to be / Asked you to write it down for me": เธอเสียใจที่ไม่ได้ใช้เวลาอันมีค่าในการถามคำถามเกี่ยวกับชีวิตและคำแนะนำจากคุณยาย
"All your closets of backlogged dreams / And how you left them all to me": คุณยายของเธอเป็นนักร้องโอเปร่าที่มี "ความฝันที่เก็บไว้ในตู้" (ความฝันที่ยังไม่เป็นจริง) และเธอเชื่อว่าคุณยายได้ "ทิ้งความฝันเหล่านั้นไว้ให้ฉัน" ซึ่งหมายความว่าเทย์เลอร์คือผู้สานต่อความฝันของคุณยาย
"And if I didn’t know better / I’d think you were singing to me now": ท่อนนี้มีความพิเศษอย่างยิ่ง เพราะเป็นช่วงที่คุณจะได้ยินเสียงร้องโอเปร่าของคุณยาย Marjorie แทรกเข้ามาในเพลง ราวกับว่าคุณยายกำลังร้องเพลงให้เทย์เลอร์ฟังจริง ๆ
บทสรุปจาก "marjorie": มรดกแห่งความฝันและพลังแห่งความทรงจำ
"marjorie" เป็นบทเพลงที่สะท้อนถึงการระลึกถึงผู้เป็นที่รักที่จากไปอย่างลึกซึ้ง เทย์เลอร์ สวิฟต์ได้สร้างสรรค์บทเพลงที่ไม่ได้เป็นเพียงการแสดงความเสียใจ แต่ยังเป็นการเฉลิมฉลองชีวิตและมรดกที่คุณยายได้ส่งต่อมาให้เธอ
การที่เสียงของคุณยาย Marjorie ปรากฏในเพลง ทำให้เพลงนี้มีพลังทางอารมณ์อย่างมาก และเป็นเครื่องเตือนใจว่าคนที่เรารักไม่ได้จากไปไหนจริง ๆ แต่ยังคงมีชีวิตอยู่ในความทรงจำ ในบทเรียนที่ได้รับ และในความฝันที่เราสานต่อ ดั่งเช่นที่คุณยาย Marjorie มีชีวิตอยู่ในเสียงดนตรีและจิตวิญญาณของเทย์เลอร์ สวิฟต์อย่างไม่มีวันสิ้นสุด
เพลง "marjorie" เปิดตัวที่อันดับ 75 บน Billboard Hot 100 และเป็นบทเพลงที่อบอุ่นหัวใจและเป็นเกียรติแก่ผู้จากไปได้อย่างงดงาม ทำให้ผู้ฟังได้สัมผัสถึงความรักและความผูกพันที่เทย์เลอร์มีต่อคุณยายของเธออย่างแท้จริง